เมื่ออายุขึ้นเลขสี่เป็นช่วงวัยที่ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวพรรณไม่สดใส ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ไม่แข็งแรงกระฉับกระเฉง สุขภาพอ่อนแอลง และโดยเฉพาะปัญหาสายตายาวตามอายุที่รู้สึกได้ชัดเจน เพราะมองใกล้แล้วเบลอ ส่งผลให้ใช้ชีวิตประจำวันลำบากขึ้น หลายคนคงมีคำถามต่าง ๆ เกิดขึ้นมาเกี่ยวกับสายตายาวตามอายุ วันนี้เลยขอมาแบ่งปันความรู้ดี ๆ ว่า สายตายาวตามอายุเกิดจาก สาเหตุอะไรบ้าง ไขข้อสงสัยที่คนวัยนี้อยากรู้กัน
สายตายาวตามอายุหรือสายตายาวตามวัยคืออะไร
สายตายาวตามอายุ หรือ สายตายาวตามวัย หรือ สายตายาวผู้สูงอายุ (Presbyopia) คือ ปัญหาสายตา ที่สามารถพบได้เมื่ออายุประมาณ 38-40 ปีขึ้นไป โดยจะเริ่มมีปัญหาในการมองเห็นระยะใกล้หรือวัตถุขนาดเล็ก เริ่มไม่ชัดเจนเหมือนเดิม ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ทำอะไรได้ไม่คล่องแคล่ว ความสามารถการทำงานลดลง เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุง่าย ขาดความมั่นใจ เสียบุคลิกภาพ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ลำบากยิ่งขึ้น หากอ่านหนังสือหรือดูมือถือต้องยืดแขนออกไประยะไกลกว่าเดิม หรือขยายตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้มองเห็นตัวอักษรหรือภาพได้ชัด ภาวะสายตายาวตามอายุ ไม่สามารถหายเองได้ เพียงแต่มีวิธีชะลอค่าสายตาและแก้ไขให้การมองเห็นกลับมาชัดเจนและมั่นใจยิ่งขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสายตายาวตามอายุ
สายตายาวตามอายุเป็นกระบวนการเสื่อมสภาพของดวงตาที่เกิดขึ้นกับทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่ออายุเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่อาจกระตุ้นให้ภาวะนี้เกิดขึ้นเร็วหรือมีอาการที่สังเกตได้ชัดเจนกว่าคนทั่วไป ดังนี้
- อายุ: เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักและโดยตรงที่สุด โดยส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตเห็นอาการได้ชัดเจนในช่วงอายุ 40 – 45 ปี
- ประวัติครอบครัว: หากคนในครอบครัวมีประวัติสายตายาวตามอายุเร็วกว่าปกติ ก็มีแนวโน้มที่คุณอาจจะเผชิญภาวะนี้เร็วขึ้นเช่นกัน
- ภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อม: มีการศึกษาพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตร้อนหรือใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในปริมาณสูง อาจมีแนวโน้มเกิดภาวะสายตายาวตามอายุได้เร็วกว่า
- ภาวะสุขภาพ: โรคประจำตัวบางชนิดมีผลต่อสุขภาพของเลนส์แก้วตาและกล้ามเนื้อตาโดยตรง
โรคบางชนิดอาจทําให้เกิดภาวะสายตายาวก่อนวัยอันควร
สุขภาพร่างกายโดยรวมมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพดวงตาอย่างใกล้ชิด โรคประจำตัวหรือการใช้ยาบางชนิดสามารถเร่งกระบวนการเสื่อมของเลนส์แก้วตา และทำให้เกิดภาวะสายตายาวก่อนวัย (Premature Presbyopia) ได้ ซึ่งหมายถึงการเกิดภาวะนี้ก่อนอายุ 40 ปี
- โรคเบาหวาน: ระดับน้ำตาลในเลือดที่ควบคุมไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเลนส์แก้วตา ทำให้เลนส์บวมและสูญเสียความยืดหยุ่นเร็วกว่าปกติ
- โรคหัวใจและหลอดเลือด: ภาวะที่การไหลเวียนของเลือดไม่ดี อาจทำให้ดวงตาไม่ได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ ส่งผลต่อสุขภาพของเลนส์ตาและกล้ามเนื้อโดยรอบ
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis – MS): เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมดวงตาได้
- การใช้ยาบางชนิด: ยาบางกลุ่ม เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า (Antidepressants), ยาแก้แพ้ (Antihistamines) และยาขับปัสสาวะ (Diuretics) อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ความสามารถในการเพ่งมองระยะใกล้ลดลง
หากคุณมีภาวะสุขภาพเหล่านี้และสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการมองเห็นระยะใกล้ ควรปรึกษาแพทย์และนักทัศนมาตรเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
อาการที่บอกว่าเริ่มมีสายตายาวตามอายุ
ในคนไข้บางรายจะเริ่มมีอาการเมื่ออายุ 38-40 ปี และจะค่อย ๆ แสดงอาการมากขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงอายุ 65 ปี อาการของสายตายาวตามอายุที่สังเกตได้ด้วยตัวเอง มีดังนี้
1. มองวัตถุที่อยู่ในระยะใกล้ไม่ชัดเจน หรือบางครั้งก็ไม่ชัดทั้งระยะใกล้และไกล
2. อ่านตัวอักษรขนาดเล็กได้ไม่ชัดเจน มักหรี่ตาเมื่อต้องมองในระยะใกล้
3. เมื่อถือหนังสือหรือสมาร์ทโฟนในระยะที่ห่างออกไปจึงจะมองเห็นดีขึ้น
4. มีอาการตาล้า ปวดตา หรือปวดศีรษะ เมื่อใช้สายตามองระยะใกล้เป็นเวลานาน
5. ผู้ที่ใส่แว่นสายตาสั้นอยู่แล้วเมื่อมองระยะไกล ต้องยกแว่นขึ้นเพื่อให้มองเห็นได้ชัด
6. การมองโฟกัสภาพจากระยะใกล้มาไกล หรือ ระยะไกลมาใกล้ ทำได้ยากขึ้น
7. มองไม่ค่อยเห็นในที่ที่มีแสงน้อย หรือ มองภาพไม่ชัดในเวลากลางคืน
การตรวจวินิจฉัยภาวะสายตายาวตามอายุ
การวินิจฉัยภาวะสายตายาวตามอายุนั้นตรงไปตรงมาและไม่ซับซ้อน โดยนักทัศนมาตรจะทำการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด ซึ่งโดยทั่วไปจะประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
- การซักประวัติ (History Taking): นักทัศนมาตรจะเริ่มต้นด้วยการสอบถามอาการที่คุณพบเจอ เช่น มองใกล้ไม่ชัดตอนไหน, ต้องยื่นแขนออกไปไกลขึ้นหรือไม่, มีอาการปวดหัวหรือตาล้าหรือไม่ รวมถึงสอบถามเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์การใช้สายตาและประวัติสุขภาพ
- การวัดความคมชัดของการมองเห็น (Visual Acuity Test): คุณจะได้อ่านตัวอักษรหรือตัวเลขจากแผนภูมิมาตรฐาน (Snellen Chart) เพื่อประเมินการมองเห็นระยะไกล และอ่านจากแผ่นทดสอบระยะใกล้ (Near Point Chart) เพื่อประเมินความสามารถในการมองเห็นระยะอ่านหนังสือ
- การวัดค่าสายตา (Refraction): เป็นขั้นตอนที่คุณจะได้มองผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Phoropter ซึ่งมีเลนส์ค่าต่าง ๆ เพื่อให้นักทัศนมาตรหาค่าสายตาที่เหมาะสมที่สุดที่ทำให้คุณกลับมามองเห็นระยะใกล้ได้คมชัดและสบายตาอีกครั้ง
- การตรวจสุขภาพตา (Eye Health Examination): เพื่อให้แน่ใจว่าอาการมองใกล้ไม่ชัดนั้นเกิดจากภาวะสายตายาวตามอายุเพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคตาอื่น ๆ แอบแฝง นักทัศนมาตรจะทำการตรวจสุขภาพตาเบื้องต้นร่วมด้วย
การป้องกันภาวะสายตายาวตามอายุ
เนื่องจากสายตายาวตามอายุเป็นกระบวนการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติของร่างกาย จึงเป็นภาวะที่ “ไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้” อย่างไรก็ตาม เราสามารถดูแลสุขภาพดวงตาโดยรวมเพื่อชะลอความเสื่อมของส่วนอื่น ๆ และรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย THE NEXT ขอแนะนำแนวทางปฏิบัติดังนี้
- ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ: นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด การตรวจตากับนักทัศนมาตรอย่างน้อยทุก 1-2 ปี จะช่วยให้คุณได้รับค่าสายตาที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันเสมอ ทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสบายตาและมีประสิทธิภาพ
- ปกป้องดวงตาจากรังสี UV: สวมแว่นกันแดดที่มีคุณภาพและสามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้ 100% ทุกครั้งเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง เพื่อช่วยปกป้องเลนส์แก้วตาจากความเสื่อมก่อนวัย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผักใบเขียวและผลไม้สีสันสดใส ซึ่งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ, ซี, อี และสารอาหารอย่างลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่มีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพจอประสาทตา
- จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม: ใช้แสงสว่างที่เพียงพอสำหรับการอ่านหนังสือหรือทำงานระยะใกล้ เพื่อลดอาการตาล้า
- พักสายตาเป็นระยะ: หากต้องทำงานหน้าจอหรืออ่านหนังสือนาน ๆ ควรพักสายตาทุก 20 นาที ด้วยการมองไปไกล ๆ 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที (กฎ 20-20-20) เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา
วิธีการแก้ไขสายตายาวตามอายุ
สายตายาวตามอายุยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่แก้ไขให้มองเห็นชัดขึ้นได้ ปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ได้แก่
1. เลนส์แว่นตา แบ่งออกเป็น 4 ชนิด
- เลนส์ชั้นเดียว (Single lens) เป็นเลนส์ที่มีค่าสายตาเดียวทั้งตัวเลนส์ สามารถตัดเป็นเลนส์ใช้สำหรับอ่านหนังสือ (Reading glasses) หรือสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสั้น สายตาเอียง สายตายาว ก็ใช้แว่นเลนส์สายตาชั้นเดียว สำหรับมองไกล ใส่แยกเป็นแว่นตา 2 ตัว
- เลนส์สองชั้น (Bifocal lens) เป็นเลนส์ที่มีรูปถ้วยด้านล่างทำให้มองระยะไกลในส่วนบน และ มองระยะใกล้ผ่านส่วนถ้วย

- เลนส์เฉพาะทาง (Office lens) เหมาะกับผู้ที่ทำงานออฟฟิศ ต้องใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์ จะช่วยให้มองระยะกลาง และ ระยะใกล้บริเวณรอบโต๊ะทำงาน หรือช่วงสุดปลายแขนได้ชัดเจน แต่มีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถมองไกลได้ด้วยเลนส์ชนิดนี้
- เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive lens) หรือ เลนส์ไร้รอยต่อ เลนส์ชนิดนี้จะมีการไล่ค่าสายตา หลายค่าสายตารวมอยู่ในเลนส์ชิ้นเดียว ทำให้การมองเห็นคมชัดได้ในทุก ๆ ระยะ

2. คอนแทคเลนส์ แบ่งเป็น 2 ชนิด
คอนแทคเลนส์สายตายาวตามวัย (Multifocal) ช่วยแก้ไขปัญหาสายตาสั้น สายตายาว และสายตายาวตามอายุ โดยอาศัยหลักการของขนาดรูม่านตา ปัจจุบันมีแบรนด์ที่จัดจำหน่ายในท้องตลาด เช่น ยี่ห้อ Bausch & Lomb และ Acuvue หากต้องการใช้คอนแทคเลนส์แก้สายตายาวตามอายุ ควรต้องมีการทดลองเลนส์ก่อนเสมอ
คอนแทคเลนส์แบบ Monovision คือคอนแทคเลนส์ทั่วไป แต่มีการจ่ายค่าสายตา โดยอาศัยหลักการโมโนวิชชัน (Monovision) ที่ตาหลักหรือตาข้างถนัดใช้มองระยะไกล ส่วนตารองใช้มองระยะใกล้ ควรปรึกษาจักษุแพทย์หรือนักทัศนมาตรเพื่อพิจารณาจ่ายค่าสายตาคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมให้ก่อน ควรมีการทดลองก่อนว่าสามารถปรับตัวกับการใช้งานโมโนวิชชัน (Monovision) ได้หรือไม่
3. เลสิกสายตายาว (Lasik) เป็นการใช้เลเซอร์ยิงปรับความโค้งของกระจกตาเพื่อช่วยให้มองเห็นชัดขึ้น ปัจจุบันจะใช้หลักการโมโนวิชัน คล้ายกับการใส่คอนแทคเลนส์ หรือ เทคโนโลยีใหม่ Presbylasik
4. การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม (Refractive Lens Exchange) เป็นการผ่าตัดใส่เลนส์แก้วตาเทียมที่แก้ค่าสายตา เข้าไปแทนที่เลนส์แก้วตาเดิม คล้ายกับการผ่าตัดลอกต้อกระจก (Cataract surgery) แต่ทำเพื่อแก้ไขปัญหาค่าสายตายาวตามอายุ สามารถเลือกเลนส์แก้วตาเทียม ชนิดหลายระยะ หรือสองระยะ
สายตายาวทำเลสิกได้ไหม
คนสายตายาว สายตายาวตามอายุสามารถทำเลสิกได้ โดยเลสิก (Lasik) เป็นการยิงเลเซอร์ที่กระจกตาเพื่อเปลี่ยนรูปร่างความโค้ง และเจียรเนื้อกระจกตา ให้สามารถรวมแสงตกกระทบที่จุดรับภาพได้พอดี ทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น การรักษาด้วยวิธีเลสิกเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาในกรณีที่มีภาวะสายตายาวตามอายุ ทำได้ 3 แบบ คือ
1. เลสิกแบบ Full Correction
เป็นการยิงเลเซอร์ปรับความโค้งของกระจกตา เพื่อช่วยให้มองระยะไกลได้ชัดที่สุด แก้ไขปัญหาสายตาสั้น สายตาเอียง และสายตายาวแต่กำเนิด แต่ยังคงมีค่าสายตายาวตามอายุคงเหลืออยู่ เนื่องจากวิธีแก้ไขค่าสายตาด้วยเลเซอร์ไม่สามารถแก้ไขสายตายาวตามอายุได้ จึงจำเป็นต้องสวมใส่แว่นเพื่อช่วยในการมองระยะกลางหรือใกล้
2. เลสิกแบบ Monovision
เป็นการยิงเลเซอร์ทำให้ตาแต่ละข้างมองเห็นระยะไม่เหมือนกัน ตาข้างถนัด (Dominance Eye) ใช้มองระยะไกลได้ชัดเจน ส่วนตาข้างที่ไม่ถนัดใช้มองระยะใกล้ แต่วิธีนี้จำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวเนื่องจากค่าสายตาไม่เท่ากัน รวมถึงการมองไกลเวลากลางคืน การกะระยะ อาจประสิทธิภาพลดลง
3. เลสิกแบบ Presbylasik
เป็นการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์สมัยใหม่ ปรับความโค้งกระจกตาให้สัมพันธ์กับการทำงานของม่านตา แก้ไขปัญหาสายตาแต่กำเนิดไปพร้อมกับสายตายาวตามอายุ ทำให้มองเห็นได้ชัดทุกระยะ ทั้งระยะใกล้ กลาง และไกล ใช้เวลาปรับตัวน้อย แต่วิธีนี้การมองระยะไกลอาจไม่คมชัดเท่าวิธี Full Correction ในบางเวลาที่จำเป็น เช่น ขับรถตอนกลางคืน แนะนำให้ใส่แว่นสายตาเพื่อช่วยให้มองไกลชัดขึ้น
สายตายาวเท่าไหร่ควรใส่แว่น
คนที่มีอาการแสดงของภาวะสายตายาวตามอายุ หรือมีค่าสายตายาว (Addition) ตั้งแต่ +0.75 ไดออปเตอร์ขึ้นไป ควรใส่แว่นสายตาเพื่อช่วยให้มองเห็นในระยะต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น เพราะปัญหาสายตายาวตามอายุที่มองใกล้หรือทุกระยะไม่ชัด ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เกิดอุบัติเหตุง่าย เสียบุคลิกภาพ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ไม่คล่องแคล่ว จึงแนะนำให้ตรวจวัดค่าสายตาและตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี เพราะเมื่ออายุมากขึ้นค่าสายตาจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รวมถึงเริ่มมีปัญหาสุขภาพตาและอาจมีโรคตาร่วมด้วย
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น สายตายาวตามวัยเริ่มเป็นปัญหาที่ส่งผลให้ใช้ชีวิตลำบาก เพราะมองเห็นไม่ชัดในระยะใกล้ หรือบางคนก็มองเห็นไม่ชัดทุกระยะทั้งใกล้และไกล แม้ว่าวิธีรักษามีหลายแบบ แต่อย่างไรก็ตามแว่นตาก็ยังคงเป็นตัวช่วยที่ปลอดภัยและง่ายที่สุด เพราะวิธีแก้ไขปัญหาสายตาต่าง ๆ อย่าง เช่น การทำเลสิก ไม่ได้หมายความว่าค่าสายตาของทุกคนจะกลับมาปกติอยู่ที่ 0.00 ไดออปเตอร์ และยังไม่สามารถแก้ไขสายตายาวตามอายุให้หายขาดได้
ดังนั้นแว่นตาจึงยังจำเป็นต้องสวมใส่อยู่ เพื่อเสริมให้มองเห็นคมชัดมากขึ้นและถนอมสุขภาพตา โดยแว่นสายตายาวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ แว่นโปรเกรสซีฟ หรือ เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens) ตัวช่วยแก้ปัญหาสายตายาวตามวัยของคนอายุ 40 ปีขึ้นไป
ตารางสายตายาวตามอายุ
ตารางประมาณการค่าสายตายาวตามอายุ |
|
อายุ |
กำลังแว่นตา (Diopter) |
38-39 ปี | +0.75 |
39-40 ปี | +1.00 |
41-42 ปี | +1.25 |
43-45 ปี | +1.50 |
46-47 ปี | +1.75 |
48-50 ปี | +2.00 |
51-53 ปี | +2.25 |
54-55 ปี | +2.50 |
56-58 ปี | +2.75 |
59-60 ปีขึ้นไป | +3.00 ขึ้นไป |
สรุป
สรุป ปัญหา สายตายาวตามอายุเกิดจาก หลายสาเหตุ โดยปัจจัยหลักคืออายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป สำหรับการทำเลสิกเพื่อแก้ปัญหาสายตายาวตามอายุสามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามมีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถทำเลสิกได้ โดยเฉพาะกระจกตาไม่หนาหรือแข็งแรงเพียงพอ หรือแม้แต่การทำเลสิกก็อาจไม่ได้ช่วยทำให้ค่าสายตากลับมาปกติเหมือนเดิม
ดังนั้นแว่นโปรเกรสซีฟจึงเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสายตายาวตามอายุ มีคุณสมบัติเด่นที่เป็นเลนส์หลายชั้นไร้รอยต่อ มองเห็นคมชัดทุกระยะ ทั้งระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกล ผู้ที่อยากตัดแว่นเลนส์โปรเกรสซีฟ ร้านแว่นตา THE NEXT พร้อมให้บริการโดยจักษุแพทย์และนักทัศนมาตร คัดสรรเลนส์โปรเกรสซีฟจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และกรอบแว่นแบรนด์เนมหลากหลายแบรนด์ดัง สามารถรับบริการได้ที่ร้านแว่นตา THE NEXT บนห้างสรรพสินค้าชั้นนำกว่า 32 สาขาทั่วไทย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่