โรคจอประสาทตาเสื่อม เสี่ยงตาบอดถาวร! หากรู้ตัวช้า

ถ้าคุณไม่อยากตาบอดถาวร! เราแนะนำให้อ่านบทความนี้เลย เพราะเราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ โรคจอประสาทตาเสื่อม(Age-related Macular Degeneration: AMD) หรือ จอตาเสื่อม อันตรายใกล้ตัวที่หลายคนอาจละเลยและยังไม่รู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ความจริงแล้วโรคนี้ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนวัยกลางคนและผู้สูงอายุสูญเสียการมองเห็น น่าตกใจคือ มีผลสำรวจพบว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคจอประสาทตาเสื่อมสูงถึง 18,700 คนต่อปี เพราะโรคนี้มักจะมาเงียบๆ ในช่วงแรก หากเราไม่สังเกตหรือไม่รีบพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็อาจทำให้ตาบอดถาวรได้เลยทีเดียว วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้กันว่า โรคจอประสาทตาเสื่อม คืออะไร แล้วควรมีวิธีป้องกันได้อย่างไร

โรคจอประสาทตาเสื่อม อาการเริ่มต้น

ในระยะเริ่มต้น โรคจอประสาทตาเสื่ออาจไม่แสดงอาการให้เห็นได้ชัดทำให้คุณอาจคิดว่าเป็นอาการของค่าสายตาที่กำลังเปลี่ยน แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้บ่อยๆ เราแนะนำให้รีบพบจักษุแพทย์โดยด่วน

  1. การมองเห็นไม่เหมือนเดิม อาจมองเห็นเป็นภาพเบลอหรือเป็นสีดำมืดไปเลย
  2. มองเห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นเส้นตรงเป็นเส้นคด
  3. การมองเห็นในที่มืดแย่ลง ไม่สามารถมองเห็นในที่มืดได้หรือเห็นได้น้อยลง ต้องใช้แสงสว่างมากขึ้นเพื่อให้มองเห็น
  4. มองเห็นจุดดำกลางภาพ เมื่อมองไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง กลับมีจุดดำบดบังตรงกลาง

โรคจอประสาทตาเสื่อม คืออะไร?

โรคจอประสาทตาเสื่อม เกิดขึ้นเมื่อบริเวณจุดโฟกัสภาพกลางจอประสาทตาสายตา(Macula หรือ Macula lutea) เกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้การมองเห็นส่วนกลางไม่ชัดเจนเหมือนเดิม ถึงแม้สายตารอบข้างยังมองเห็นได้ แต่การอ่านหนังสือ ดูโทรศัพท์ หรือการขับรถจะได้รับผลกระทบโดยตรง โดยมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ

1. จอประสาทตาเสื่อมชนิดแห้ง (Dry AMD)

เป็นชนิดที่พบมากที่สุดถึง 80 – 90% ของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้งหมด เกิดจากเซลล์ในจอประสาทตาเสื่อมและจอตาบางลงตามอายุ โดยส่วนมากจะพบในผู้ป่วยที่อายุ 50 ปีขึ้นไป จอประสาทตาจะค่อยๆเสื่อมลงตามอายุการใช้งาน ทำให้ไม่สามารถมองภาพได้ชัดเหมือนเดิม มองไม่เห็นในที่มืด หรือจำหน้าคนไม่ได้เพราะเห็นเป็นภาพเบลอ

2. จอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก (Wet AMD)

ชนิดนี้จะเกิดจากเส้นเลือดในจอตาผิดปกติ เมื่อมีเส้นเลือดที่รั่วหรือแตกออก จะทำให้เลือดและของเหลวในเลือดไหลออกและคั่งอยู่ในบริเวณจอประสาทตา ทำให้บริเวณนั้นบวมผิดปกติจนการรับภาพผิดเพี้ยนไป จอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียกแม้พบได้น้อยเพียง10 – 15% แต่อาการถือว่ารุนแรงกว่ามาก อาการจะเกิดขึ้นเร็วทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นภายในเวลาไม่นาน

โรคจอประสาทตาเสื่อมเกิดจากอะไรบ้าง?

  1. อายุ โรคจอประสาทตาเสื่อมมักพบได้ในคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
  2. กรรมพันธุ์ โรคนี้มีโอกาสส่งต่อทางพันธุกรรม หากพบคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้ก็มีโอกาสเสี่ยงสูง
  3. การสูบบุหรี่ เป็นปัจจัยสำคัญมากเป็นการเร่งการเสื่อมของจอประสาทตา
  4. โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด  ที่มักทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้เช่นเดียวกัน

วิธีลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

  1. งดสูบบุหรี่ ที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
  2. พักสายตาจากหน้าจอ โดยใช้ กฎ 20-20-20
  3. สวมแว่นกันแดด เพื่อลดการปะทะกับแสงจ้า ซึ่งทางร้าน THE NEXT มีแว่นกันแดดหลายแบรนด์ดังและหลายรูปที่เหมาะกับทุกคนให้เลือกมากมาย ดูสินค้า: แว่นกันแดด คลิก
  4. ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำจะทำให้เรารู้ได้รวดเร็วว่าตัวเองมีปัญหาสุขภาพตาอย่างไรบ้าง ทำให้สามารถรักษาได้ทัน ซึ่งเราควรตรวจสุขภาพตากับจักษุแพทย์ผู้มีประสบการณ์
  5. ทานอาหารหรือวิตามินที่ช่วยบำรุงสายตา เช่น ผักใบเขียว หรือ ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน แร่ธาตุสังกะสี ทองแดง และลูทีน

เราสามารถเช็คอาการเสี่ยงเบื้องต้นได้แต่ทางที่ดีควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อได้รับการรักษาและคำแนะนำในการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง ซึ่งสามารถมาได้ที่ร้านแว่น THE NEXT เพราะเรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ นำโดย หมออุ๊ย แพทย์หญิง วชิรา สนธิไชย โดยสามารถนัดคิวเข้ารับการปรึกษาได้ล่วงหน้าทางทาง Facebook หรือ LINE @Thenextoptical

วิธีทดสอบ โรคจอประสาทตาเสื่อม ด้วยตัวเอง

วิธีเช็คอาการโรคจอประสาทตาเสื่อมด้วยตัวเอง โดยส่วนมากจะใช้วิธีมอง ตารางตรวจจุดภาพชัด Amsler Grid ด้วยตนเอง โดยมองจุดกลางตารางทีละข้าง และสังเกตว่าเส้นตารางเป็นเส้นตรงหรือไม่ และช่องในตารางมีสีดำหรือมีการทาสีหรือไม่ หากพบสีดำหรือเส้นบิดเบี้ยวเป็นคลื่น หรือมีส่วนใดขาดหายไป แสดงว่ามีภาวะจอประสาทตาเสื่อม

วิธีการใช้ตาราง Amsler Grid ด้วยตนเอง

  1. เตรียมตาราง Amsler Grid
  2. หาห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอ และวางแผ่นภาพไว้ในระดับสายตา
  3. หากคุณมีแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ ให้สวมใส่ตามปกติ
  4. ทดสอบทีละข้าง ใช้มือปิดตาข้างหนึ่ง แล้วใช้ตาอีกข้างมองจุดตรงกลางตาราง
  5. มองจุดกลางตาราง แล้วสังเกตว่า:
    ● มองเห็นจุดตรงกลางหรือไม่
    ● เส้นตารางทุกเส้นเป็นเส้นตรง ตัดกันเป็นมุมฉาก หรือไม่
    ● ไม่มีเส้นใดบิดเบี้ยว เป็นคลื่น หรือขาดหายไป

สรุป

โรคจอประสาทตาเสื่อมอาจเริ่มต้นด้วยอาการเพียงเล็กน้อย แต่หากละเลยหรือไม่รีบรักษา อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวรได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี หรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ หรือมีโรคประจำตัวอย่างเบาหวานและความดัน ดังนั้นการรู้ทันอาการ ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ และใส่ใจในการดูแลดวงตา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคนี้ หากคุณเริ่มมีอาการมองเห็นผิดปกติ หรืออยากตรวจเช็กดวงตาเพื่อความมั่นใจ แนะนำให้มาพบ จักษุแพทย์และนักทัศนมาตรที่ร้านแว่น THE NEXT ซึ่งมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเครื่องมือทันสมัย และบริการดูแลครบวงจร

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า