ภาวะสายตาสั้นกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวของคนทุกเพศทุกวัยในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่เด็กเล็กที่เริ่มใช้แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ไปจนถึงวัยทำงานที่ต้องใช้สายตาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน หลายท่านอาจคุ้นเคยกับคำว่า “สายตาสั้น” เป็นอย่างดี แต่อาจยังไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง, ระดับความรุนแรง, และทางเลือกในการจัดการที่หลากหลาย
เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถดูแลดวงตาของคุณได้อย่างดีที่สุด บทความนี้จาก THE NEXT จะพาคุณไปทำความรู้จักว่า สายตาสั้นคืออะไร เกิดจากอะไร มีวิธีแก้ปัญหาสายตาสั้นอย่างไรบ้าง
- สายตาสั้นคืออะไร?
- เช็กอาการ! คุณกำลังมีภาวะสายตาสั้นหรือไม่?
- สายตาสั้นเกิดจากอะไร?
- สายตาสั้นมีกี่ระดับ?
- ผลข้างเคียงและความเสี่ยงของภาวะสายตาสั้น
- การตรวจวินิจฉัยสายตาสั้นทำได้อย่างไร?
- วิธีแก้ไขและจัดการภาวะสายตาสั้น
- คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- สรุปบทความ
สายตาสั้นคืออะไร?
สายตาสั้น หรือ Myopia คือภาวะที่การหักเหของแสงในดวงตาผิดปกติ (Refractive Error) ชนิดหนึ่ง โดยเกิดจากการที่ดวงตามีความสามารถในการรวมแสงมากเกินไป หรือขนาดของกระบอกตายาวเกินไป ทำให้แสงที่เดินทางเข้าสู่ดวงตาถูกโฟกัสตกข้างหน้าจอประสาทตา (Retina) แทนที่จะตกบนจอประสาทตาพอดี
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ทำให้การมองเห็นวัตถุที่อยู่ในระยะไกลพร่ามัว ไม่ชัดเจน ในขณะที่การมองระยะใกล้ยังคงคมชัดเป็นปกติ
เช็กอาการ! คุณกำลังมีภาวะสายตาสั้นหรือไม่?
คุณอาจกำลังมีภาวะสายตาสั้น หากพบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้
- มองวัตถุระยะไกลไม่ชัด เช่น ป้ายบอกทาง, หน้าคน, หรือกระดานในห้องเรียน
- ต้องหยีตา หรือหรี่ตาบ่อยๆ เพื่อพยายามเพ่งมองให้ภาพชัดขึ้น
- มีอาการปวดศีรษะหรือรู้สึกตาล้า โดยเฉพาะหลังจากการขับรถหรือดูกีฬา
- มองเห็นในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยได้ลำบากกว่าปกติ
- สำหรับเด็ก อาจมีพฤติกรรมเข้าไปนั่งดูทีวีใกล้ ๆ, ถือหนังสือหรือสมาร์ทโฟนชิดใบหน้าเวลาอ่าน หรือมีผลการเรียนที่แย่ลงเนื่องจากมองกระดานไม่ชัด
สายตาสั้นเกิดจากอะไร?
สาเหตุของการเกิดสายตาสั้นนั้นมีความซับซ้อนและเกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยแบ่งได้เป็น 2 ปัจจัยหลัก
ปัจจัยทางพันธุกรรม
หากพ่อหรือแม่มีภาวะสายตาสั้น ลูกก็มีแนวโน้มที่จะมีสายตาสั้นสูงกว่าปกติ และหากทั้งคุณพ่อและคุณแม่สายตาสั้นทั้งคู่ ความเสี่ยงของลูกก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก พันธุกรรมนี้จะส่งผลโดยตรงต่อโครงสร้างของดวงตา เช่น
- กระบอกตาที่ยาวเกินไป (Axial Length): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือการที่ลูกตามีความยาวจากด้านหน้าไปด้านหลังยาวกว่าปกติ ทำให้ระยะโฟกัสของแสงสั้นลงและไปตกอยู่ก่อนถึงจอประสาทตา
- ความโค้งของกระจกตาหรือเลนส์แก้วตาที่มากเกินไป (Refractive Power): หากกระจกตา (Cornea) หรือเลนส์แก้วตา (Lens) มีความโค้งมากเกินไป จะทำให้มีกำลังในการรวมแสงสูงเกินความจำเป็น และดึงจุดโฟกัสมาอยู่ด้านหน้าจอประสาทตาได้เช่นกัน
ปัจจัยทางพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม
เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน และเป็นสิ่งที่เราสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อลดความเสี่ยงได้
- การใช้สายตาระยะใกล้เป็นเวลานาน (Prolonged Near Work): พฤติกรรม เช่น การอ่านหนังสือ, การเรียน, การใช้คอมพิวเตอร์ หรือการจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนักในการเพ่งมองใกล้ตลอดเวลา ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าพฤติกรรมนี้อาจส่งสัญญาณกระตุ้นให้กระบอกตายืดขยายออกเพื่อปรับตัวให้มองใกล้ได้สบายขึ้น และส่งผลให้เกิดสายตาสั้นตามมา
- การขาดกิจกรรมกลางแจ้ง (Lack of Outdoor Activities): มีงานวิจัยจำนวนมากในปัจจุบันที่ชี้ชัดว่า การให้เด็กได้ใช้เวลากลางแจ้งและได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติ (Natural Daylight) อย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง มีส่วนสำคัญในการช่วย “ป้องกัน” หรือ “ชะลอ” การเกิดภาวะสายตาสั้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
สายตาสั้นมีกี่ระดับ?
โดยทั่วไป นักทัศนมาตรและจักษุแพทย์จะแบ่งระดับความรุนแรงของสายตาสั้นตามค่าไดออปเตอร์ (D) ดังนี้
- สายตาสั้นน้อย (Mild Myopia) ค่าสายตาตั้งแต่ -0.25 ถึง -3.00 D
- สายตาสั้นปานกลาง (Moderate Myopia) ค่าสายตาตั้งแต่ -3.25 ถึง -6.00 D
- สายตาสั้นสูง (High Myopia) ค่าสายตาที่มากกว่า -6.00 D ขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อโรคตาอื่น ๆ สูงที่สุด
ผลข้างเคียงและความเสี่ยงของภาวะสายตาสั้น
สายตาสั้นไม่ใช่แค่ปัญหามองไม่ชัดที่แก้ไขได้ด้วยแว่นตา แต่ยังส่งผลกระทบด้านอื่น ๆ และมีความเสี่ยงที่น่ากังวลซ่อนอยู่
- ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต: เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเล่นกีฬาบางประเภท การขับขี่ หรือแม้แต่อาชีพที่ต้องการการมองเห็นระยะไกลที่คมชัด
- ความเสี่ยงต่อโรคตาที่เพิ่มขึ้น: โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มี “สายตาสั้นสูง” (High Myopia) จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปในการเกิดโรคตาที่อันตรายในอนาคต ได้แก่:
- ต้อหิน (Glaucoma)
- ต้อกระจก (Cataracts)
- จอประสาทตาเสื่อมหรือหลุดลอก (Retinal Degeneration or Detachment)
การตรวจวินิจฉัยสายตาสั้นทำได้อย่างไร?
การวินิจฉัยภาวะสายตาสั้นที่แม่นยำและถูกต้องนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ต้องอาศัยการ “ตรวจตา” อย่างละเอียดครบวงจรโดยนักทัศนมาตร (Optometrist) เท่านั้น ซึ่งจะประกอบไปด้วยขั้นตอนสำคัญ เช่น การวัดความคมชัดของการมองเห็น (Visual Acuity Test), การวัดค่าสายตาด้วยเครื่องมือ Phoropter (Refraction), และการตรวจสุขภาพตาส่วนอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการมองไม่ชัดไม่ได้เกิดจากสาเหตุของโรคตาอื่น ๆ
วิธีแก้ไขและจัดการภาวะสายตาสั้น
ปัจจุบันมีทางเลือกในการแก้ไขและจัดการกับภาวะสายตาสั้นที่หลากหลาย ซึ่งสามารถเลือกให้เหมาะสมกับค่าสายตา, วัย, และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้ โดยมีทางเลือกหลัก ๆ ดังนี้
1. แว่นสายตา (Eyeglasses)
การตัดแว่นสายตาคือวิธีแก้ไขปัญหาสายตาสั้นที่ง่าย, ปลอดภัย, และได้รับความนิยมมากที่สุด โดยหลักการทำงานคือ การใช้เลนส์เว้า (Concave Lens) ที่มีกำลังเป็นลบ เพื่อช่วยกระจายแสงก่อนที่จะเข้าสู่ดวงตา ทำให้แสงสามารถโฟกัสลงบนจอประสาทตาได้อย่างพอดี
ซึ่งในปัจจุบัน เลนส์แว่นตามีเทคโนโลยีให้เลือกหลากหลาย ทั้งวัสดุที่บางและเบา (High-index lenses) สำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสูง และการเคลือบผิวเลนส์ (Lens Coatings) เช่น มัลติโค้ทลดแสงสะท้อน, เลนส์กรองแสงสีฟ้าสำหรับคอมพิวเตอร์, หรือเลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติเมื่อออกแดด
2. คอนแทคเลนส์ (Contact Lenses)
คอนแทคเลนส์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการสวมแว่น หรือต้องการความคล่องตัวในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เนื่องจากคอนแทคเลนส์จะวางอยู่บนกระจกตาโดยตรง ให้มุมมองที่กว้างและเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวเป็นประจำ
โดยในปัจจุบันมีคอนแทคเลนส์ให้เลือกหลากหลายประเภท ตั้งแต่คอนแทคเลนส์รายวัน (Daily), ราย 2 สัปดาห์ (Bi-weekly), ไปจนถึงรายเดือน (Monthly) ชนิดที่แก้ไขสายตาเอียง (Toric) โดยเฉพาะ รวมถึงคอนแทคเลนส์สายตาสั้นแบบแฟชั่น
3. เลนส์ชะลอสายตาสั้น (Myopia Control Lenses)
เลนส์ชะลอสายตาสั้น เป็นนวัตกรรมแว่นตาที่ถูกออกแบบมาสำหรับเด็กและวัยรุ่นโดยเฉพาะ เหมาะกับผู้ที่อายุไม่เกิน 18 ปี โดยมีเป้าหมายที่เหนือกว่าการทำให้มองเห็นชัดเจนในปัจจุบัน แต่เป็นการ “ควบคุมและชะลอ” อัตราการเพิ่มขึ้นของค่าสายตาสั้น เพื่อลดโอกาสการมีภาวะสายตาสั้นสูง (High Myopia) และลดความเสี่ยงของโรคตาอันตรายในอนาคต
โดยจะเป็นการใช้เทคโนโลยีพิเศษบนผิวเลนส์ (เช่น D.I.M.S. หรือ H.A.L.T.) เพื่อควบคุมการโฟกัสของแสงบริเวณขอบจอประสาทตา (Peripheral Defocus) ซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณยับยั้งไม่ให้กระบอกตายืดขยายออกไปอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับเด็กที่ค่าสายตาสั้นเพิ่มขึ้นเร็ว (มากกว่า -0.50 D ต่อปี) ถือเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพดวงตาของบุตรหลานในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การใช้เลนส์ชะลอสายตาสั้นจะมีราคาสูงกว่าเลนส์ทั่วไป และต้องอาศัยความร่วมมือจากเด็กในการใส่แว่นอย่างสม่ำเสมอตลอดวัน รวมถึงต้องมีการตรวจติดตามกับนักทัศนมาตรทุก ๆ 6 เดือน
4. การทำเลสิก (LASIK)
เป็นทางเลือกในการแก้ไขสายตาสั้นแบบถาวรสำหรับผู้ใหญ่ โดยเป็นการใช้เลเซอร์หรือเทคนิคทางการแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนความโค้งของกระจกตาอย่างถาวร ทำให้แสงกลับมาโฟกัสบนจอประสาทตาได้พอดีโดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นหรือคอนแทคเลนส์อีกต่อไป
ซึ่งการทำเลสิกเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงและมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องผ่านการประเมินอย่างละเอียดและทำโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่วิธีนี้ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำได้ ผู้ที่สนใจต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป, มีค่าสายตาคงที่ไม่น้อยกว่า 1-2 ปี, มีความหนาของกระจกตาที่เพียงพอ, และไม่มีโรคทางตาหรือโรคทางกายบางชนิดที่เป็นข้อห้าม
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. สายตาสั้นจะหายเองได้ไหม?
ไม่สามารถหายเองได้ ภาวะสายตาสั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วมักจะคงอยู่หรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวัยเจริญเติบโต และจะเริ่มคงที่เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุประมาณ 20-25 ปี
2. การจ้องจอนาน ๆ ทำให้สายตาสั้นจริงหรือไม่?
จริง เพราะการจ้องจอนาน ๆ เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดภาวะสายตาสั้น หรือทำให้ค่าสายตาสั้นที่มีอยู่แล้วเพิ่มขึ้นได้เร็วขึ้น เนื่องจากการใช้สายตาระยะใกล้อย่างหนักและต่อเนื่องเป็นเวลานาน
3. ค่าสายตาสั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึงอายุเท่าไหร่?
โดยทั่วไปค่าสายตาสั้นจะเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในช่วงวัยเรียนถึงวัยรุ่น (ประมาณ 6-20 ปี) และมักจะเริ่มคงที่เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุประมาณ 20-25 ปี อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้แม้อายุจะมากขึ้นแล้ว
4. การทำเลสิกเหมาะกับทุกคนหรือไม่?
ไม่เหมาะกับทุกคน ผู้ที่สนใจต้องมีสุขภาพตาโดยรวมที่แข็งแรง, มีค่าสายตาคงที่, และมีความหนาของกระจกตาที่เพียงพอ ซึ่งต้องผ่านการตรวจประเมินอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเลสิกเท่านั้น
5. เด็กเล็กสามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้หรือไม่?
สามารถใส่ได้ หากเด็กมีความรับผิดชอบเพียงพอในการดูแลรักษาความสะอาดและสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำของนักทัศนมาตรได้อย่างเคร่งครัด
สรุปบทความ
ภาวะสายตาสั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพหากมีความเข้าใจที่ถูกต้อง การตรวจตากับผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำ คือกุญแจสำคัญในการวินิจฉัยที่แม่นยำและนำไปสู่การเลือกวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับค่าสายตาและไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด
ดังนั้นแนะนำให้เลือกตัดแว่นกับร้านแว่นตาที่มีจักษุแพทย์ นักทัศนมาตร และช่างแว่น อย่างร้านแว่นตา THE NEXT ครบจบผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาและสุขภาพตา พร้อมให้บริการตรวจวัดสายตาที่ถูกต้องแม่นยำ ตรวจสุขภาพตา และตรวจคัดกรองโรคตา รับบริการได้กว่า 32 สาขาบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไทย ดูสาขาทั้งหมดได้ที่ https://www.thenextoptical.com/stores/