การวัดสายตาคืออะไร พร้อมแนะนำวิธีวัดสายตาด้วยตัวเองในเบื้องต้น

วัดสายตา

เคยไหมที่ต้องหยีตาเพื่อมองป้ายบอกทางไกล ๆ? หรือรู้สึกปวดหัว ตาพร่ามัว หลังจากจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน? อาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายว่าถึงเวลาที่คุณต้องให้ความสำคัญกับการ วัดสายตา อย่างจริงจังแล้ว

การมองเห็นที่ชัดเจนคือหัวใจสำคัญของการใช้ชีวิต แต่หลายคนกลับละเลยการดูแลดวงตาไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเข้าใจว่าการวัดสายตาเป็นเรื่องไกลตัวหรือทำเมื่อรู้สึกว่าสายตาสั้นลงเท่านั้น บทความนี้จาก THE NEXT Optical จะพาคุณไปทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าการวัดสายตาคืออะไร,ทำไมถึงสำคัญ พร้อมแนะนำวิธีวัดสายตาด้วยตัวเองเบื้องต้น และตอบคำถามสำคัญว่าทำไมสุดท้ายแล้วเรายังต้องพึ่งพาจักษุแพทย์

การวัดสายตาคืออะไร?

การวัดสายตาคืออะไร

หลายคนอาจเข้าใจว่าการวัดสายตาคือการนั่งอ่านตัวเลขบนแผ่นชาร์ตเพื่อหาค่าสายตาสั้น-ยาว-เอียงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง การวัดสายตาโดยผู้เชี่ยวชาญเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ละเอียดและครอบคลุมกว่านั้นมาก โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินระบบการมองเห็นทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ

สอบถามรายละเอียด ปรึกษาฟรี

1. การวัดความคมชัดและการหักเหของแสง (Visual Acuity & Refraction) 

เป็นหนึ่งในกระบวนการหาค่าสายตา (Prescription) ที่แม่นยำที่สุด เพื่อแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติ (Refractive Errors) ซึ่งเกิดจากการที่ดวงตาไม่สามารถโฟกัสแสงลงบนจอประสาทตาได้อย่างสมบูรณ์ ภาวะที่พบบ่อยได้แก่

  • สายตาสั้น (Myopia): เกิดจากตาโฟกัสแสงไว้ “หน้า” จอประสาทตา ทำให้มองวัตถุระยะไกลไม่ชัด แต่มองใกล้ได้ปกติ
  • สายตายาว (Hyperopia): เกิดจากตาโฟกัสแสงไว้ “หลัง” จอประสาทตา ทำให้มองใกล้ไม่ชัด และอาจต้องเพ่งตลอดเวลาจนปวดหัวแม้มองไกล
  • สายตาเอียง (Astigmatism): เกิดจากความโค้งของกระจกตาไม่สม่ำเสมอ ทำให้มองเห็นภาพเป็นเงาซ้อน หรือเส้นตรงบิดเบี้ยวทั้งระยะใกล้และไกล
  • สายตายาวตามวัย (Presbyopia): เกิดจากเลนส์แก้วตาเสื่อมสภาพตามวัย (มักเริ่มที่อายุ 40 ปีขึ้นไป) ทำให้ความสามารถในการโฟกัสระยะใกล้ลดลง

2. การตรวจสุขภาพดวงตา (Eye Health Examination) 

นี่คือส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งและไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เป็นการประเมินสุขภาพของส่วนต่าง ๆ ในดวงตาอย่างละเอียดโดยใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง เพื่อคัดกรองความเสี่ยงของโรคตาที่อาจซ่อนอยู่ เช่น ต้อหิน, ต้อกระจก หรือภาวะเบาหวานขึ้นตา ซึ่งการตรวจพบโรคเหล่านี้ได้เร็ว คือกุญแจสำคัญในการรักษาการมองเห็นไว้ให้ได้นานที่สุด

ทำไมการวัดสายตาเป็นประจำจึงสำคัญอย่างยิ่ง?

วัดสายตา

การเข้ารับการตรวจวัดสายตาอย่างสม่ำเสมอเป็นหนึ่งในการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ และนี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไม

เพื่อค่าสายตาที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน 

ค่าสายตาของเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การใส่แว่นที่ค่าสายตาไม่ตรง ไม่ว่าจะอ่อนไปหรือแรงไป ล้วนส่งผลเสียต่อระบบประสาทตา ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนักเกินความจำเป็นจนเกิดอาการปวดกระบอกตา, ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ และโดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่อาจนำไปสู่ภาวะตาล้าจากคอมพิวเตอร์ (Digital Eye Strain) ได้ง่ายขึ้น

คัดกรองโรคตาที่ไม่มีอาการเตือน

 โรคตาหลายชนิดน่ากลัวเพราะมันเป็น ‘ภัยเงียบ’ ที่ไม่แสดงอาการเจ็บปวดใด ๆ ในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็น

  • ต้อหิน (Glaucoma): เกิดจากความดันในลูกตาสูงจนทำลายขั้วประสาทตาอย่างช้า ๆ การมองเห็นจะค่อย ๆ แคบลงจากด้านข้างโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว จักษุแพทย์สามารถตรวจวัดความดันลูกตาเพื่อคัดกรองความเสี่ยงนี้ได้ก่อนที่การมองเห็นจะถูกทำลายอย่างถาวร
  • เบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy): ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงที่เส้นเลือดในจอประสาทตาจะเสียหาย ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ การตรวจตาจะช่วยให้พบความผิดปกติของเส้นเลือดเหล่านี้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
  • ต้อกระจก (Cataracts): คือภาวะที่เลนส์แก้วตาขุ่นมัวลงตามวัย การตรวจจะช่วยประเมินระดับความขุ่นและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้

สอบถามรายละเอียด ปรึกษาฟรี

เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตประจำวัน 

การมองเห็นที่ชัดเจนส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต สำหรับเด็ก การมองเห็นที่ดีคือพื้นฐานของการเรียนรู้ในห้องเรียน สำหรับผู้ใหญ่ หมายถึงการทำงานที่เปี่ยมประสิทธิภาพ การขับรถที่ปลอดภัยในเวลากลางคืน และการลดความเหนื่อยล้าหลังเสร็จสิ้นภารกิจในแต่ละวัน

เพื่อค้นหาสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพอื่น 

ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของสุขภาพร่างกาย เพราะเป็นอวัยวะเดียวที่เราสามารถมองเห็นเส้นเลือดได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่าตัด การเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดในจอประสาทตาจึงอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคทางกายอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง หรือแม้แต่ภาวะคอเลสเตอรอลสูง

ต้องวัดค่าสายตาบ่อยแค่ไหน?

การวัดค่าสายตาและการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำมีความสำคัญ โดยแนะนำว่าควรวัดค่าสายตาทุก ๆ 6 เดือน เนื่องจากค่าสายตาสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดความถี่ในการตรวจที่อาจบ่อยขึ้น

How-To: วิธีวัดสายตาด้วยตัวเองในเบื้องต้นด้วย Snellen Chart

วิธีวัดสายตาด้วยตัวเอง

สำหรับผู้ที่สงสัยว่าสายตาของตนเองเริ่มผิดปกติหรือไม่ การทดลองวัดสายตาเบื้องต้นด้วยตนเองก็จะช่วยให้คุณค้นพบความผิดปกติ และเข้าไปรับการดูแลจากจักษุแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • แผนภูมิ Snellen Chart
  • ตลับเมตร หรือสายวัด
  • ห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอและมีผนังเรียบ
  • กระดาษแข็งหรือที่ปิดตา (ที่ไม่ใช่ฝ่ามือ)

ขั้นตอนการวัดสายตาด้วยตัวเองในเบื้องต้น

  1. ติดตั้งแผนภูมิ: นำแผนภูมิที่พิมพ์แล้วไปติดบนผนังเรียบ โดยให้แถวที่เป็นสัญลักษณ์ 20/20 อยู่ในระดับสายตาของคุณพอดี
  2. วัดระยะ: ใช้ตลับเมตรวัดระยะห่างจากผนังออกมา 6 เมตร (หรือประมาณ 20 ฟุต) แล้วทำเครื่องหมายตำแหน่งที่จะยืน
  3. ปิดตาหนึ่งข้าง: ยืนที่ตำแหน่งซึ่งวัดไว้ แล้วใช้กระดาษแข็งปิดตาทีละข้าง โดยระวังอย่าใช้มือกดลงบนดวงตาโดยตรง เพราะจะทำให้ตาพร่ามัวเมื่อเปิดออกมา
  4. เริ่มอ่าน: หายใจเข้าลึก ๆ แล้วเริ่มอ่านตัวอักษรบนแผนภูมิจากแถวบนสุดซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด ไล่ลงมาจนถึงแถวเล็กที่สุดที่คุณยังสามารถมองเห็นและอ่านได้อย่างชัดเจน
  5. บันทึกผล: จดบันทึกแถวสุดท้ายที่คุณอ่านได้ถูกต้อง (เช่น 20/40) จากนั้นสลับไปทำแบบเดียวกันกับตาอีกข้างหนึ่ง หากผลลัพธ์ของตาสองข้างต่างกัน ควรจดบันทึกไว้

วิธีอ่านผลเบื้องต้น

ผลลัพธ์จะอยู่ในรูปแบบของเศษส่วน เช่น 20/20, 20/40

  • 20/20: ถือเป็นค่ามาตรฐานของคนสายตาปกติ หมายความว่า คุณสามารถมองเห็นวัตถุจากระยะ 20 ฟุต ได้ชัดเจนเหมือนกับที่คนสายตาปกติมองเห็นจากระยะ 20 ฟุต
  • 20/40: หมายความว่า คุณต้องเข้ามาใกล้ถึงระยะ 20 ฟุต จึงจะมองเห็นวัตถุได้ชัดเจนเท่ากับที่คนสายตาปกติมองเห็นได้จากระยะ 40 ฟุต ซึ่งบ่งชี้ว่าคุณอาจมีภาวะสายตาสั้น หากผลของคุณต่ำกว่า 20/20 หรือตาสองข้างเห็นได้ไม่เท่ากัน นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าคุณควรนัดหมายเพื่อตรวจวัดสายตาอย่างละเอียดกับผู้เชี่ยวชาญ

*หมายเหตุ วิธีนี้เป็นการทดสอบ “ความคมชัดของการมองเห็น (Visual Acuity)” เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนการตรวจอย่างละเอียดกับจักษุแพทย์ และไม่สามารถนำผลที่ได้ไปใช้ตัดแว่นได้ เพราะขาดข้อมูลสำคัญอื่น ๆ เช่น ค่าสายตาเอียง, การทำงานของกล้ามเนื้อตา หรือสุขภาพตาโดยรวม

สอบถามรายละเอียด ปรึกษาฟรี

ทำไมถึงจำเป็นจะต้องวัดสายตากับจักษุแพทย์?

ทำไมต้องวัดสายตากับนักทัศนมาตร

หลังจากทดลองด้วยตัวเองแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า “ในเมื่อทดสอบเองได้ แล้วทำไมยังต้องไปที่ร้านแว่นตาอีก?” ซึ่งคำตอบคือ การวัดสายตากับจักษุแพทย์มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจักษุแพทย์เป็น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านดวงตา ที่ได้รับการฝึกอบรมทั้งด้านการวินิจฉัย รักษา และผ่าตัดโรคตา ทำให้สามารถดูแลสุขภาพดวงตาของคุณได้ครอบคลุมและลึกซึ้งกว่า

  1. ตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคตา: จักษุแพทย์สามารถตรวจพบความผิดปกติหรือโรคตาในระยะเริ่มต้นได้ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม หรือเบาหวานขึ้นตา ซึ่งปัญหาสายตาเพียงอย่างเดียวอาจไม่แสดงอาการที่ชัดเจน
  2. รักษาโรคตา: หากพบโรค จักษุแพทย์สามารถให้การรักษาทางการแพทย์ รวมถึงการผ่าตัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบวิชาชีพทางสายตาอื่น ๆ ทำไม่ได้
  3. เชื่อมโยงปัญหาสายตากับสุขภาพร่างกาย: ดวงตาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย จักษุแพทย์สามารถประเมินและเชื่อมโยงปัญหาสายตากับโรคทางระบบ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคทางระบบประสาทได้
  4. ให้คำแนะนำที่แม่นยำและครบวงจร: ไม่ใช่แค่การวัดค่าสายตาเพื่อตัดแว่น แต่เป็นการประเมินสุขภาพดวงตาโดยรวมและวางแผนการดูแลที่เหมาะสมในระยะยาว

ดังนั้น การวัดสายตากับจักษุแพทย์จึงเป็นการดูแลสุขภาพดวงตาอย่างครบวงจรและรอบด้านที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคตา หรือมีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป

วัดสายตาอย่างละเอียดที่ THE NEXT ด้วยมาตรฐานการตรวจสายตาแบบครบวงจร “THE NEXT Steps 25 ขั้นตอน”

25 ขั้นตอนตรวจวัดสายตา

 

ที่ THE NEXT เราเชื่อว่าสายตาที่ดีเริ่มต้นจากการตรวจอย่างละเอียดและแม่นยำที่สุด วันนี้เราพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ THE NEXT Steps 25 ขั้นตอน มาตรฐานการตรวจสายตาแบบครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงจุดที่สุด โดยผู้เชี่ยวชาญและทีมจักษุแพทย์ประสบการณ์กว่า 30 ปี

ทำไมต้อง THE NEXT Steps 25 ขั้นตอน?

เพราะเราไม่ได้แค่ตรวจค่าสายตา เรา วิเคราะห์ทุกมิติของการมองเห็น ตั้งแต่สุขภาพตา สมดุลสายตา และความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน ทุกขั้นตอนนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุด เพราะเรามุ่งมั่นที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการมองเห็นได้อย่างตรงจุด โดยมีขั้นตอนดังนี้

25 ขั้นตอนตรวจวัดสายตา

  1. ซักประวัติ เพื่อดูข้อมูลที่ส่งผลต่อการมองเห็น
  2. ตรวจค่า Sphere เพื่อประเมินว่าคุณสายตาสั้นหรือยาวมากน้อยแค่ไหน 
  3. ใช้เครื่อง Auto Refractometer วิเคราะห์ความผิดปกติของสายตา
  4. Fogging ช่วยลดการเพ่งของดวงตา ให้ผลการตรวจสายตาชัดเจนที่สุด
  5. ตรวจ Binocular Balance เพื่อปรับสมดุลการมองเห็นระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง 
  6. ตรวจสุขภาพตาส่วนหน้า เพื่อมั่นใจว่าดวงตาของคุณยังแข็งแรงสมบูรณ์
  7. ตรวจการทำงานของดวงตาข้างถนัด 
  8. ประเมินการรวมภาพด้วย Worth 4 Dot Test ให้มั่นใจว่าการมองเห็นสองตาสอดคล้องกัน
  9. ประเมินการกรอกตา 
  10. ตรวจการรับรู้ภาพ 3 มิติ 
  11. ตรวจ Cross Grid Test เพื่อตรวจหาภาวะสายตายาวตามวัย 
  12. ตรวจค่าสายตาใหม่อย่างละเอียด เพื่อให้การมองเห็นของคุณสมบูรณ์แบบที่สุด
  13. ตรวจระยะอ่านหนังสือ 
  14. การวัด NPC 
  15. วัดค่าสายตาเอียงอย่างละเอียดทั้งในระดับเบื้องต้นและขั้นสูง เพื่อให้ทุกค่าสายตาที่ได้แม่นยำที่สุด
  16. วิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดและสรุปผลการตรวจ
  17. แนะนำกรอบและเลนส์แว่นตาที่เหมาะกับคุณที่สุด 

และนี่ก็คือ มาตรฐานการตรวจสายตาแบบครบวงจรกับ THE NEXT Steps 25 ขั้นตอน ที่ร้านแว่นตา THE NEXT เราพร้อมดูแลสายตาคุณด้วยความใส่ใจ การันตี ความคมชัดสบายตา ทุกคู่ โดยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ ด้วยประสบการณ์ กว่า 30 ปี 

สอบถามรายละเอียด ปรึกษาฟรี

สรุป

การวัดสายตาด้วยตนเองด้วย Snellen Chart เป็นวิธีวัดสายตาที่ช่วยให้คุณทราบได้ว่า ค่าสายตาของคุณเริ่มมีความผิดปกติหรือไม่ เพื่อเข้ารับการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียดกับจักษุแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น สำหรับคนที่วัดสายตาด้วยตัวเอง และพบว่ามีความผิดปกติ ร้านแว่นตา THE NEXT มีจักษุแพทย์ นักทัศนมาตร และช่างแว่นที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมให้บริการตรวจวัดค่าสายตาที่ถูกต้อง แม่นยำ เพื่อการมองเห็นที่ดีที่สุด โดยสามารถเข้ารับบริการได้กว่า 32 สาขาบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไทย ดูสาขาทั้งหมดได้ที่ https://www.thenextoptical.com/stores/

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า