เรื่องใกล้ตัวมากๆ อย่างอาการ “มองไกลๆแล้วเบลอ” หลายคนอาจมองข้ามเพราะคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก แต่จริงๆไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย เพราะมันคือหนึ่งในสัญญาณของ Computer Vision Syndrome หรือ CVS ยิ่งในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีการทำงานการเรียนไปจนถึงความบันเทิงล้วนผูกติดกับหน้าจอไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนหลายคนใช้เวลาอยู่กับหน้าจอวันละไม่ต่ำกว่า 6–10 ชั่วโมง ใช้สายตาเยอะขนาดนี้แน่นอนว่าดวงตาของเราก็ต้องเริ่มส่งสัญญาณเตือนให้รู้ตัวร้านแว่น THE NEXT จะพาทุกคนไปรู้จักกับเจ้าภัยร้ายนี้พร้อมแนะนำวิธีรักษาที่ถูกต้อง
Computer Vision Syndrome (CVS) คืออะไร
อธิบายกันง่ายๆ CVS เป็นกลุ่มอาการทางสายตาหรือการมองเห็นเกิดขึ้นจากการที่เรานั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นเวลานานทำให้ดวงตาทำงานหนักกว่าปกติเพราะการจ้องหน้าจอนานๆเนี่ย จะทำให้เรากระพริบตาน้อยลงจากปกติ 15–20 ครั้งต่อนาทีเหลือเพียง 5–7 ครั้งต่อนาทีส่งผลให้ดวงตาสูญเสียความชุ่มชื้นจนแห้งและเคืองได้ง่ายแถมแสงสีฟ้าจากหน้าจอยังมีพลังงานสูงที่รบกวนการมองเห็นทำให้กล้ามเนื้อตาต้องเพ่งมากขึ้นจึงเกิดอาการล้าและพร่ามัวได้ง่าย

จะรู้ได้อย่างไรว่าเราอาจเป็น CVS
มีการศึกษาพบว่าประมาณร้อยละ 90 ของผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวันเคยพบอาการเหล่านี้ และถ้ามีอาการเหล่านี้บ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณว่า ตาคุณเริ่มไม่ไหวแล้ว
- มองไกลไม่ชัด เมื่อเลิกจ้องหน้าจอแล้วมองไกลๆกลับรู้สึกภาพพร่ามัว
- ตาล้า แสบตาหรือน้ำตาไหล
- ปวดหัวหรือปวดท้ายทอย
- ตาแห้งและเคืองตา เกิดจากการกะพริบตาลดลงขณะใช้หน้าจอ
- คอ ไหล่และหลังตึงผลข้างเคียงจากการนั่งหน้าจอนานๆ

อะไรคือปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เราอาจเป็น CVS
สรุปแบบง่ายๆ ก็คือการใช้สายตาไปกับอุปกรณ์ดิจิทัลมากกว่า 6–8 ชั่วโมงต่อวัน หรือ ตั้งค่าความสว่างหน้าจอสูงเกินไปหรือมืดเกินไป รวมไปถึงแสงสะท้อนจากหน้าจอและการใช้อุปกรณ์โดยไม่สวมใส่แว่นสายตาที่ถูกต้อง ซึ่งปัญหาตรงนี้ คุณสามารถเข้ามาปรึกษาจักษุแพทย์ผู้มีประสบการณ์ที่ร้านแว่น THE NEXT ได้เลย เพราะสามารถตรวจวัดสายตาและตรวจสุขภาพตาไปพร้อมกัน คุณจะได้รับบริการดูแลครบวงจร รวมถึงราคาที่คุ้มค่า

แล้วใครคือคนที่เสี่ยงเป็น CV S มากที่สุด
แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ที่ใช้สายตาอยู่ที่หน้าจอนานๆ เช่น คนวัยทำงานที่ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ทำงานตลอดทั้งวัน นักเรียนและนักศึกษา ก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกันเพราะในปัจจุบันการเรียน การสอนแบบออนไลน์ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น รวมไปถึงสายเกมเมอร์และคนที่ชอบดูซีรีส์แบบข้ามวันข้ามคืน ก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกัน

CVS อันตรายอย่างไร
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังคิดว่า CVS ไม่อันตราย เพราะเป็นแค่อาการมองไกลแล้วเบลอชั่วคราวแค่พักตาก็หาย แต่จริงๆ แล้วถ้าปล่อยไว้นานๆ มันสามารถสะสมและส่งผลเสียได้มากกว่าที่คิด อาจทำให้ สายตาพร่ามัวเรื้อรัง จากอาการเบลอชั่วคราว อาจกลายเป็นปัญหาที่ติดตัวตลอดเวลา ทำให้มองไกลไม่ชัดแม้จะไม่ได้จ้องจอแล้ว อาการตาแห้งเรื้อรังต่อมน้ำตาทำงานลดลง จนต้องพึ่งน้ำตาเทียมตลอดเวลา นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อภาวะตาสั้นเพิ่มขึ้น เพราะดวงตาต้องเพ่งใกล้ตลอดเวลา ทำให้ค่าสายตาเปลี่ยนไวขึ้น ทั้งหมดนี้ยังอาจทำให้คุณภาพชีวิตลดลง ทำให้คุณไม่สามารถทำงานนานๆได้ อ่านหนังสือไม่สบายตา ขับรถแล้วมองไกลไม่ชัด อันตรายเวลาใช้ถนน

เราจะป้องกัน CVS ได้อย่างไร
วิธีง่ายๆ คือเริ่มจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง อย่างเช่น
- ปรับสภาพแวดล้อมของการทำงานให้เหมาะสม จัดโต๊ะทำงานให้มีแสงธรรมชาติส่องถึงหรือให้มีแสงสว่างเพียงพอ
- เว้นระยะห่างจากหน้าจอคอมประมาณ 50–70 ซม.
- หลีกเลี่ยงการสะท้อนแสงบนหน้าจอ
- ปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่พอที่จะอ่านได้สบาย
- ใช้น้ำตาเทียมหากมีอาการตาแห้ง
- พบจักษุแพทย์หากมีอาการ ตาเบลอแสบตาตาแห้งหรือเคืองตา
การเลือกพบจักษุแพทย์เพื่อรักษา CVS
ใครที่ต้องใช้ชีวิตอยู่หน้าจอเป็นเวลานานแนะนำว่าควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาทุก 1 ปีและควรเลือกร้านหรือคลินิกที่มีมาตรฐานสูงอย่างร้านแว่นตา THE NEXT เพราะเรามีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ดูแลโดยจักษุแพทย์และนักทัศนมาตรที่นำทีมโดยพญ.วชิราสนธิไชย (หมออุ๊ย) จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาแก้ไขปัญหาสายตาและเลนส์แว่นตาด้วยมาตรฐานการตรวจวัดสายตา25 ขั้นตอนทำให้เชื่อมั่นได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลดวงตาของคุณอย่างถูกต้องและมีคุณภาพ

สรุป
Computer Vision Syndrome (CVS) อาจเริ่มจากอาการเล็กๆ อย่างมองไกลๆแล้วเบลอ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว การพักสายตา ปรับพฤติกรรม และเข้ารับการตรวจสายตาเป็นประจำ คือทางออกที่ดีที่สุด และเราควรเลือกเข้ารับการตรวจสายตากับร้านแว่นหรือคลินิกที่มีมาตรฐานเช่น THE NEXT ที่ดูแลสายตาอย่างละเอียดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพราะ ดวงตาเป็นอวัยวะที่เราไม่มีอะไหล่เปลี่ยนได้ ถ้าปล่อยให้ CVS ทำร้ายสายตาไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งอาจสายเกินแก้